ขายของออนไลน์เหมือนจะสะดวกสบาย ขายออกง่ายได้เงินเร็ว นั่นเป็นแค่ภาพที่คนมองมา แต่ถ้าใครเคยขายจริงๆจะรู้ดีว่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เจอปัญหามากมายและต้องแก้อยู่ทุกวัน วันนี้ Goship จะมาแนะนำระบบหลังบ้าน ที่เป็นเหมือนเบื้องหลังความสำเร็จของร้านออนไลน์มากมาย ทั้งรายใหญ่รายเล็ก แม้แต่แบรนด์ชั้นนำที่ดูจะมีการจัดการระดับโปรอยู่แล้ว ก็ยังต้องใช้ระบบหลังบ้าน แล้วระบบหลังบ้านมีฟีเจอร์อะไรที่มาช่วยร้านออนไลน์กันนะ? ตามมาค่ะเราจะพามารู้จักกับฟีเจอร์เด็ดๆที่ระบบหลังบ้านดีๆเค้ามีกัน 

  1. รายงานภาพรวมของร้านด้วยสถิติที่ดูแล้วเข้าใจง่ายทำให้ร้านสามารถเห็นภาพได้ว่าตอนนี้ร้านเรามียอดขายเท่าไหร่ สินค้าไหนขายดี สินค้าไหนควรพักไว้ก่อน เซลล์คนไหนทำยอดขายได้เท่าไหร่ รายงานค่าส่งว่าเราจ่ายไปเท่าไหร่ในแต่ละบิล เงินที่เข้ามาเป็นของออเดอร์ไหน ช่วงไหนสินค้าอะไรขายดี เพราะอะไร ลูกค้าชำระเงินผ่านช่องทางไหน ข้อมูลทั้งหมดนี้ร้านค้าควรรู้ ถ้าระบบหลังบ้านคอยรายงานทุกการเคลื่อนไหวของร้านจะทำให้ร้านโฟกัสได้ถูกจุด เหมือนมีเลขาและนักวิเคราะห์ให้เลย ทีนี้ร้านค้าก็นำข้อมูลพวกนี้ไปวางแผนการขาย วางแผนสต็อก วางแผนการส่ง วางแผนการจัดการช่องทางการขำระเงิน วางแผนจัดการแอดมิน สารพัดประโยชน์เลยนะคะ ตรงนี้บางร้านอาจจะเห็นว่ามันเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าเรียนรู้กับมันสักหน่อยรับลองว่าร้านคุณจะไปได้ไกลแบบมือโปรเลยหละค่ะ เพราะเรารู้จักร้านเราเป็นอย่างดี ปังแน่นอน!!!
  2. จัดการสินค้าจัดการสต็อก ระบบหลังบ้านที่ช่วยในส่วนของสต็อกจะดีมากกับร้านที่มีช่องทางการขายหลายช่องทาง ซึ่งร้านที่ขายออนไลน์แทบไม่มีร้านไหนขายช่องทางเดียว ถ้าลูกค้าสั่งสินค้ามาพร้อมกันหลายช่องทาง เราตัดสต็อกไม่ถูกแล้วสินค้าขาด เสียโอกาสในการขาย และทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่ดี ลูกค้าอาจจะหนีไปซื้อร้านอื่นที่พร้อมกว่าได้เลย แค่คลิ๊กออกจากหน้าร้านเรามันง่ายนิดเดียวใช่มั้ยหละคะ ร้านไหนมีสินค้าหลายชนิด มีโกดังสินค้าหลายที่ยิ่งต้องมีระบบหลังบ้านแบบอัตโนมัติเลย ไม่อย่างงั้นจะพลาดโอกาสในการขายได้ง่ายๆ
  3. จัดการคำสั่งซื้อจากทุกช่องทางการขายบนออนไลน์ ถ้าร้านไหนคนทักเยอะ ระบบหลังบ้านก็จะเข้ามาช่วยในการจัดการคำสั่งซื้อที่แอดมินหรือเซลล์ทำการปิดยอดจากแชทต่าง หรือทางมาร์เกตเพลส ระบบหลังบ้านจะเข้ามาดูแลในด้านการจัดการการทำงานของทีมแอดมิน เซลล์ และที่สำคัญคือการดึงข้อมูลคำสั่งซื้อมาอยู่ในฐานข้อมูลเพื่อตัดสต็อกและพร้อมดำเนินการจัดส่งให้อัตโนมัติ ช่วยลดการทำงานของทีมงานและลดความผิดพลาดเพราะเป็นขั้นตอนที่ต้องยุ่งยาก มีขั้นตอนและรายละเอียดที่ถ้าผิดพลาดจะทำให้เกิดความเสียหายหลายด้าน และถ้าไม่มีระบบหลังบ้านแล้วหละก็ การแก้ไขออเดอร์ที่ผิดพลาดจะค่อนข้างยากและเสียเวลาเป็นอย่างมาก
  4. จัดการขนส่ง ตรงนี้ผู้ที่ขายของออนไลน์รู้ดีว่าเป็นปัญหาที่สุดจะวุ่นวายของการขายออนไลน์ ระบบหลังบ้านจะเข้ามาช่วยตั้งแต่การให้เรทราคาค่าขนแต่ละออเดอร์ของคุณถูกลง รวมขนส่งหลายๆเจ้าไว้ในที่เดียว ทำให้พ่อค้าแม่ค้าสามารถเลือกขนส่งได้อย่างอิสระในที่เดียว เพราะแต่ละออเดอร์มีความเหมาะสมกับการขนส่งต่างกัน เช่น พื้นที่ห่างไกล น้ำหนักมาก หรืออยากควบคุมอุณหภูมิ เป็นต้น สามารถเลือกให้เหมาะสมกับต้นทุนและคุณภาพการบริการที่ร้านค้าต้องการได้เลย ระบบหลังบ้านยังมี API ที่สามารถบอกสถานะของพัสดุได้แบบเรียลไทม์ และสามารถส่งเลขพัสดุไปให้ลูกค้าของคุณได้อัตโนมัติ หมดกังวลเรื่องปัญหาเมื่อส่งไปแล้วของไม่ถึงหรือของตีกลับเราก็รู้และแก้ปัญหาได้ก่อนที่ลูกค้าจะถามเราซะอีกนะคะ เมื่อร้านมีบริการหลังการขายที่ดี ก็พิชิตใจลูกค้าได้ไม่ยาก ครั้งหน้าลูกค้าต้องคิดถึงร้านเราเป็นอันดับต้นๆแน่นอน 
  5. Customer Relationship Management (CRM) กลยุทธ์ที่ใช้ในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าให้ยั่งยืนยาวนาน ทั้งกับกลุ่มลูกค้าปัจจุบัน และกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เราหมายมั่นปั้นมือ ให้เป็นลูกค้าของเราในอนาคตโดยการติดต่อสื่อสารที่เราต้องทำ เพื่อช่วยให้รู้จักและใกล้ชิดกับลูกค้านั้น มีได้ด้วยกันหลายวิธีค่ะ เช่น พูดคุยกับลูกค้า ทำการเก็บข้อมูลของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น เบอร์โทรศัพท์ อีเมลล์ ความชอบ เพศ อายุ ความต้องการ ลูกค้าแต่ละคนก็อาจมีความชื่นชอบเฉพาะของแต่ละคน หรือมีความต้องการที่แตกต่างกันนั่นเอง

เห็นมั้ยหละคะว่าถ้าเรามีระบบหลังบ้านดีๆ ที่ดูแลเราตั้งแต่ก่อนขายไปจนถึงขายจบและวนกลับมาขายได้ใหม่ เรียกได้ว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ซึ่ง Goship ของเราก็เป็นระบบรหลังบ้านเจ้าหนึ่งที่ตอบโจทย์ที่หมดที่กล่าวมา ลองใช้ได้เลย ใช้ฟรีตลอดชีพ แถมมีโปรโมชั่นอีกมากมายอย่าลืมเข้าไปลองใช้กันนะคะ

This site is registered on wpml.org as a development site.