ระบบจัดการหลังบ้าน จำเป็นมั้ยในธุรกิจออนไลน์
ปัจจุบันตลาดการซื้อขายบนออนไลน์ถือว่าเป็นตลาดที่ใหญ่มากๆและสามารถขยายตัวได้อีกมาก เป็น Mega Trend และเป็น เทรนด์ในประเทศไทยเช่นกัน ตลาดออนไลน์ในไทยเติบโตอย่างรวดเร็วเนื่องจากคนไทยนิยมใช้สื่อโซเชี่ยลมีเดียในชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก ติดอันดับ top ของโลกมาตลอดหลายปี ไม่แปลกที่การขายของบนออนไลน์ในไทยจะเข้าถึงผู้บริโภคได้มากว่าการขายหน้าร้านทั่วไป ทำให้ผู้ขายทั้งที่มีหน้าร้านหันมาขายออนไลน์กันมากขึ้น และผู้ที่ไม่มีหน้าร้านก็สามารถมีร้านเป็นของตัวเองได้บนออนไลน์ ทั้งต้นทุนที่ถูกกว่าและลูกค้าเห็นมากกว่า ดีจริงๆเลยใช่มั้ยหละคะ แต่ใครว่าการขายออนไลน์มันเป็นเรื่องง่ายกันหละ เปิดร้านง่ายก็ทำให้คู่แข่งเยอะเช่นกัน จึงเกิดเป็นร้านใหญ่ร้านเล็กขึ้นเป็นดอกเห็ด บางร้านขายดี บางร้านขายไม่ได้ เรียกได้ว่าเดินทางมาถึงปี 2022 ใครๆก็ต้องเคยคิดจะขายของออนไลน์สักครั้ง
ปัญหาที่ร้านขายออนไลน์เจอนอกจากการทำการตลาดที่ดุเดือดแล้ว การจัดการร้านที่ดี ทำให้สินค้าส่งถึงมือลูกค้าให้ได้เร็วที่สุด โดยที่ใช้ต้นทุนถูกที่สุด และถือเป็นสิ่งที่ร้านค้าทุกร้านต้องเจอไม่ว่าจะร้านเล็กหรือร้านใหญ่ ไม่ว่าคุณจะขายเก่งแค่ไหนแต่คุณไม่สามารถส่งของให้ลูกค้าได้ตามเวลา ลูกค้าคงไม่อยากซื้อของคุณแน่ๆ เผลอคุณอาจจะโดยรีวิวแย่ๆจนร้านคุณขายไม่ออกอีกเลย แต่โชคดีที่ตอนนี้คือปี 2022 เทคโนโลยีได้เข้ามาช่วยจัดการปัญหาที่น่ากลัวนั้นให้ และนี่คือเคล็ดลับของร้านใหญ่ๆ นั่นคือการมี “ระบบหลังบ้าน” ที่ดี ทำให้ลูกค้าประทับใจ และร้านเองก็กำไรเพิ่มเพราะบริหารร้านได้แบบมือโปรเลยทีเดียว
เป้าหมายของการมี “ระบบหลังบ้าน”ก็เพื่อ รวบรวมข้อมูล ทั้งผู้ซื้อ ผู้ขายรายย่อย ผู้ผลิต และอื่นๆ ไว้ในที่เดียว เพื่อลดความซับซ้อนในการจัดการ เพิ่มความเร็วในการตัดสินใจ และทำให้คนทั้งองค์กรนั้นสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น รวมถึงใช้เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่จะเอามาวิเคราะห์สำหรับการวางแผนการเติบโตในอนาคตอีกด้วย โดยเราสามารถเเบ่งประเภทของระบบหลังบ้านได้เป็น 4 ประเภทหลักๆ ดังนี้
- ระบบจัดการออเดอร์และสต๊อก เป็นระบบที่ช่วยให้มีสินค้าเพียงพอต่อการขาย และ จัดการออเดอร์ได้อย่างฉับไว
- ระบบบัญชี เป็นระบบที่ช่วยคุณบันทึกรายได้ ค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมถึงการออกเอกสารทางภาษีต่างๆเช่น ใบหัก ณ ที่จ่าย หรือ ใบกำกับภาษี
- ระบบบริหารคลังสินค้า เป็นระบบช่วยเพิ่มประสิทธิภาพมากในคลังสินค้ามากขึ้น เพิ่มความรวมเร็วในการรับสินค้า เก็บสินค้า และกระจายสินค้าไปยังลูกค้าของคุณ
- ระบบคำนวณการสั่งซื้อและการผลิต เช่น เป็นระบบที่ช่วยในการบริหารจัดการวัตถุดิบเพื่อจัดการและวางแผนความต้องการวัตถุดิบต่างๆ
ในบางบริษัทที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่แล้วมักมีการนำระบบที่เรียกว่า ERP (Enterprise Resource Planning) มาใช้ โดยERPมีหน้าที่ในการเชี่อมโยงข้อมูลจากระบบต่างๆที่กล่าวไปข้างต้นเข้าด้วยกัน เพื่อให้บริษัทสามารถทำงานร่วมกันได้เป็นระบบเดียว
แต่ถ้าคุณกำลังเริ่มต้น แนะนำให้ติดตั้งระบบจัดการออเดอร์และสต๊อกเป็นอย่างเเรก เนื่องจากเป็นกิจกรรมหลักของธุรกิจ ถ้าSMEมั่นใจว่าสินค้าที่คุณขายได้ นั้นจะถูกจัดการอย่างถูกต้องฉับไว SMEสามารถเก็บตังได้ มีสต๊อกเพียงพอต่อความต้องการ และ ถูกส่งไปยังมือลูกค้าอย่างรวดเร็ว การมีระบบจะช่วยให้SMEตอบคำถามเหล่านี้ได้ภายในคลิ๊กเดียว ไม่ต้องเสียเวลามานับสต๊อก หรือ ให้พนักงานคอยจดมือ เช็คยอดขายว่า
- กำไรรวมของสินค้านั้นๆเป็นเท่าไหร่
- สินค้าแต่ละตัวเหลือกี่ชิ้นโดยไม่ต้องนับมือ
- สินค้าตัวไหนขายได้เยอะที่สุดในช่วงเวลาต่างๆ
- สินค้าใกล้หมด แล้วควรสั่งเพิ่มจำนวนเท่าไหร่
การติดตั้งระบบออเดอร์และสต๊อกนั้นมีหลากหลายเเบบไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมสำเร็จรูป โปรแกรมออนไลน์ หรือแม้แต่ Excel ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนมีจุดประสงค์เดียวกัน คือเพื่อให้มีสินค้าในคลังให้เพียงพอต่อการขาย และ จัดการออเดอร์ได้อย่างเเม่นยำ
ข้อดีของระบบหลังบ้านขายของออนไลน์
- มองเห็นภาพรวมของการค้าขาย
ระบบหลังบ้านสำหรับขายของออนไลน์จะทำการบันทึกข้อมูลการซื้อขายที่เกิดขึ้นทั้งหมด ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยทำให้เราสามารถมองเห็นภาพรวมของการค้าขายได้ง่ายขึ้น เช่น สินค้าชิ้นไหนได้รับความนิยม ช่วงเวลาไหนที่คนซื้อของกันเยอะ หรือฐานลูกค้าของเราอยู่จังหวัดอะไร จากนั้นเราก็จะสามารถนำภาพรวมตรงนี้ไปต่อยอดเป็นการออกโปรโมชั่น ทำโฆษณา ทำการตลาด หรือใช้ในเรื่องอื่นๆ ได้นั่นเอง
- จัดการกับข้อมูลได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับการจดบันทึกข้อมูลด้วยมือและกระดาษ ว่าข้อมูลที่จดไว้อาจจะผิดพลาดหรือเกิดการสูญหาย ซึ่งความผิดพลาดเหล่านี้ก็มักก่อให้เกิดปัญหาตามมา ดังนั้นการจัดการกับข้อมูลด้วยระบบหลังบ้านซึ่งเป็นระบบคอมพิวเตอร์ ย่อมต้องมีความถูกต้องแม่นยำมากกว่าการจดบันทึกด้วยมือและจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการขายของออนไลน์ให้เพิ่มขึ้นได้
- มีฟังก์ชันให้เลือกใช้งานหลากหลาย
ระบบหลังบ้านสำหรับขายของออนไลน์ในปัจจุบันมีการพัฒนาฟังก์ชันให้เหมาะกับการใช้งานที่หลากหลาย และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยในปัจจุบันระบบหลังบ้านสามารถนำมาใช้จัดการกับงานข้อมูลมากมาย ไม่ว่าจะ จัดการคลังสินค้า ทำรายการซื้อขาย ติดตามการขนส่ง หรือรวบรวมรีวิวจากลูกค้า เป็นต้น