เจ้าของธุรกิจต้องรู้ สินค้าคงคลัง คือ อะไร? สินค้าคงคลัง มีกี่ประเภท? วิธีบริหารสินค้าคงคลัง

ทุกคนรู้มั้ยคะว่าสินค้าคงคลังนั้นสำคัญกับการทำธุรกิจเป็นอย่างมากไม่ว่าจะรายเล็กหรือรายใหญ่ เพราะสินค้าคงคลังถือเป็นการช่วยลดต้นทุนหรือผลักดันธุรกิจให้เติบโตมากยิ่งขึ้น ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดคุยกันเกี่ยวกับสินค้าคงคลังกัน

สินค้าคงคลัง (Inventory)  

สินค้าคงคลัง คือ สินค้าหรือวัตถุดิบที่ธุรกิจเรามีอยู่เพื่อรองรับการขายหรือการผลิตในอนาคต ซึ่งถือว่าเป็นทรัพย์สินที่มีความสำคัญมากในกระบวนการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากมีผลกระทบโดยตรงต่อรายได้และต้นทุนของธุรกิจโดยตรงเลยก็ว่าได้

สินค้าคงคลังสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทหลัก ๆ ไม่ว่าจะเป็น

1.สินค้าคงคลังประเภทวัตถุดิบ (Raw Materials) คือ วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตสินค้า อาจเป็นวัตถุดิบที่ยังไม่ผ่านกระบวนการใด ๆ หรือผ่านบางกระบวนการแล้วแต่ยังไม่สำเร็จรูป

2.สินค้าคงคลังประเภทระหว่างผลิต (Work-in-Process) คือ สินค้าที่กำลังอยู่ระหว่างกระบวนการผลิต อาจยังไม่เสร็จสมบูรณ์หรือยังไม่พร้อมขาย

3.สินค้าคงคลังประเภทสำเร็จรูป (Finished Goods) คือ สินค้าที่ผลิตเสร็จสมบูรณ์แล้วและพร้อมขายให้กับลูกค้า

4.สินค้าคงคลังประเภทการบำรุงรักษา ซ่อมแซม และการดำเนินงาน (Maintenance, Repair, and Operating Supplies – MRO) คือ วัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในการซ่อมแซมและบำรุงรักษาเครื่องจักร หรือสินค้าที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจทั่วไป 

วิธีบริหารสินค้าคงคลัง นั้นมีด้วยกันหลายวิธีที่นำมาใช้ควบคุมปริมาณสินค้าคงคลังให้เหมาะสมกับความต้องการและลดต้นทุนให้กับธุรกิจของคุณได้ เราได้รวมมาให้แล้ว

1. การคำนวณระดับสินค้าคงคลัง (Inventory Level Calculation): เป็นการกำหนดปริมาณสินค้าคงคลังขั้นต่ำและสูงสุดที่เหมาะสมเพื่อป้องกันสินค้าที่ขาดตลาดหรือสินค้าที่มีมากจนเกินไป
2. การสั่งซื้อสินค้า (Reorder Point): ควรมีการกำหนดจุดที่ต้องสั่งซื้อสินค้าใหม่เมื่อปริมาณสินค้าลดลงถึงระดับที่กำหนด
3. การบริหารตาม ABC Analysis: เป็นการจัดประเภทสินค้าคงคลังตามมูลค่าหรือความสำคัญ โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ A, B และ C โดยกลุ่ม A เป็นสินค้าที่มีมูลค่าหรือความสำคัญสูงที่สุด
4. การใช้ระบบ Just-in-Time (JIT): เป็นการจัดการสินค้าคงคลังที่เน้นการมีสินค้าคงคลังให้น้อยที่สุด โดยผลิตหรือจัดหาสินค้าเมื่อมีความต้องการเท่านั้น เพื่อลดต้นทุนการเก็บรักษาสินค้าคงคลัง
5. การใช้เทคโนโลยีในการบริหารสินค้าคงคลัง: ใช้ระบบซอฟต์แวร์หรือ ERP (Enterprise Resource Planning) ในการติดตามการเคลื่อนไหวของสินค้าคงคลัง รวมถึงการวางแผนการสั่งซื้อและการผลิต
6. การประเมินและปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ: การทบทวนและปรับปรุงระบบการบริหารสินค้าคงคลังอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าสอดคล้องกับสภาพตลาดและการดำเนินงานของธุรกิจ

 

 

การบริหารสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้ธุรกิจสามารถลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทันท่วงที

สินค้าคงคลังมีความสำคัญอย่างมากต่อธุรกิจในหลายด้าน 

1. การตอบสนองความต้องการของลูกค้า
   สินค้าคงคลังช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทันท่วงที โดยไม่ต้องรอสินค้าที่จะถูกผลิตหรือจัดหามาเพิ่มเติม ช่วยสร้างความพึงพอใจและความเชื่อมั่นของลูกค้า
2. การลดต้นทุนการสั่งซื้อและการผลิต
   การมีสินค้าคงคลังในปริมาณที่เหมาะสมช่วยลดต้นทุนการสั่งซื้อบ่อย ๆ หรือการผลิตครั้งละน้อย ๆ ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น เช่น ค่าขนส่ง หรือค่าติดตั้งเครื่องจักร
3. การรักษาความต่อเนื่องในการผลิต
   สินค้าคงคลังช่วยป้องกันการขาดแคลนวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนที่จำเป็นสำหรับการผลิต ทำให้กระบวนการผลิตสามารถดำเนินไปอย่างต่อเนื่องโดยไม่สะดุด
4. การจัดการความเสี่ยงจากการหยุดชะงักของซัพพลายเชน
   การมีสินค้าคงคลังเพียงพอช่วยป้องกันความเสี่ยงจากปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบหรือสินค้าที่อาจเกิดขึ้นจากปัญหาซัพพลายเชน เช่น การส่งสินค้าล่าช้า หรือการเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
5. การเพิ่มโอกาสในการขาย
   สินค้าคงคลังที่พร้อมจำหน่ายทันทีช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองต่อโอกาสทางการขายที่เกิดขึ้นทันทีได้ โดยไม่ต้องเสียโอกาสทางการขายเนื่องจากสินค้าหมดสต็อก
6. การควบคุมราคาและการจัดการต้นทุน
   การบริหารสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น เช่น การซื้อวัตถุดิบในปริมาณมากเพื่อต่อรองราคาหรือรับส่วนลด และการลดต้นทุนการเก็บรักษาสินค้า
7. การวางแผนธุรกิจระยะยาว
   สินค้าคงคลังที่มีการจัดการอย่างดีช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนการผลิต การขาย และการจัดการเงินทุนหมุนเวียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความไม่แน่นอนในธุรกิจ

 

การบริหารสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างราบรื่น มีความพร้อมในการตอบสนองต่อความต้องการของตลาด และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากปัญหาการจัดหาสินค้าและวัตถุดิบ

ฉะนั้นการมีหลังบ้านที่ดีจะเป็นตัวช่วยสำหรบการทำธุรกิจออนไลน์ของคุณได้มากยิ่งขั้น Gosell เรามีระบบรวมสต๊อก เชื่อมต่อทุกแพลตฟอร์ม Stock Management ให้คุณบริหารสินค้าจากทุกแพลตฟอร์มรวมไว้ในที่เดียวทั้ง Marketplace & Social Commerce จัดการง่ายในระบบที่เดียว ขายคล่อง จะเปิดหลายร้าน เปิดขายหลายแพลตฟอร์ม ก็หมดห่วงเรื่องสต๊อกสินค้า ติดตามสินค้า รู้ทุกความเคลื่อนไหวของสินค้าแต่ละรายการ จำนวนเพิ่มหรือลด รู้ทันที พร้อมเก็บ Log ใครเป็นผู้ปรับ ใช้ทำอะไร วันเวลาใด ตรวจสอบได้ บันทึกทุกการเคลื่อนไหวของสินค้าอย่างละเอียด ติดตามความเคลื่อนไหวได้ทุกคลังสินค้า จะมีหลายคลัง ต่างพื้นที่ก็จัดการได้สามารถตรวจสอบสถานะคลังได้แบบเรียลไทม์ มีสินค้าคงเหลือในคลังเท่าไหร่คลังไหนสินค้าใกล้หมด หรือสินค้าหมด รู้ไวเตรียมของเข้าคลังได้ทันที  บริหารได้หลายคลังสินค้า จะมีหลายจุด หลายสถานที่ ระบบสามารถเลือกจัดการคลังสินค้าได้ตามต้องการพร้อมเก็บข้อมูลการตัดสต๊อกทุกชิ้น แม่นยำ รู้ทุกสถานะของสินค้าทุกคลัง